เรื่องย่อ แต๋วเตะตีนระเบิดเรื่อง ราวของ โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ต้องการก่อตั้งทีมฟุตบอลชายขึ้นมากับเค้าบ้างจึงเปิดรับนักเรียนชายเข้ามา เรียนเป็นปีแรกและทางโรงเรียนตกลงใจว่าปีนี้เราจะส่งทีมฟุตบอล ชายทีมแรกของอดีตโรงเรียนสตรีลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ประเทศไทยระดับมัธยมฯ เพื่อคว้าแชมป์มาให้ได้ แต่เรื่องราวกลับวุ่นวายกว่าที่คิดเริ่มตั้งแต่การที่ทางโรงเรียนได้มอบความ ไว้วางใจให้กับครูตุ๊กกี้ (ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน) ครูสอนคหกรรมมาคุมทีมฟุตบอลชายและยิ่งวุ่นขึ้นไปอีก เมื่อทั้งโรงเรียนมีนักเรียนชายสมัครเข้ามาเพียงแค่ 16 คน แถมมีแต๋วอยู่ในทีมอีกถึง7คน ที่สร้างความปวดหัวให้กับครูตุ๊กกี้และทางโรงเรียน
อั๋น (พีรวิชญ์ บุนนาค) กัปตัน ทีมความหวังหนึ่งเดียวของทีมที่เล่นฟุตบอลเก่งที่สุดในทีมเพราะมีพ่อเป็นถึง อดีตนักบอลทีมชาติคอยช่วยเหลือ แต่เรื่องราวความรักของอั๋นกับเจต (เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ) เพื่อนร่วมทีมที่แอบชอบมาย (ณภศศิ สุรวรรณ) ผู้หญิงคนเดียวกันกลับสร้างความวุ่นวายให้กับทีม หรือ ภู (ภูตะวัน เตชชาติวนิช)หนึ่งในนักฟุตบอลทีมแต๋วที่แอบหลงรักรุ่นพี่ชื่อเชอร์รี่ (ชาวดี เชอร์ม็อค) ดาวโรงเรียนที่อยู่ทีมเชียร์ลีดเดอร์ แต่เชอร์รี่กลับปันใจให้กับนักฟุตบอลต่างโรงเรียนที่เป็นถึงทีมแชมป์เก่าจน ภูไม่เป็นอันซ้อมบอล ไหนจะเรื่องของไอซ์ ( วราภัทร์ เพชรสถิต) เพื่อนสนิทของอั๋นที่ร่างกายอ่อนแอจนอั๋นต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาเป็นเหตุ ให้เพื่อนๆและแม่ปุ้ย (พิมลวรรณ ศุภยางค์) แม่ของไอซ์เข้าใจผิดคิดว่าอั๋นกับไอซ์คบหากันเกินเพื่อนชายชะแล้ว แต่ด้วยความเข้าใจของเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจกันและกันทำให้ทุกคนในทีมต่าง กลับมามุ่งมั่นที่จะพาทีมฟุตบอลนี้ให้ผ่านไปถึงจุดฝันให้ได้ ภูเมื่อผิดหวังกับความรักจึงหันมาทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อเอาชนะคู่อรินอก สนามและในสนามแข่งให้ได้ กลุ่มแต๋วที่ต้องผนึกกำลังกันเพื่อลบคำสบประมาทที่ทุกคนมองพวกตนเป็นเพียง เพศที่สามที่ไม่มีทางเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้
แต่กว่าที่ทุกอย่างจะ เข้ารูปเข้ารอย เหล่าเด็กๆต้องฝ่าฟันกับการฝึกซ้อมที่แปลกประหลาดและหนักหน่วงของครูตุ๊กกี้ และอดีตนักฟุตบอลทีมชาติที่มาร่วมแรงร่วมใจกันพาเด็กๆอ่อนหัดทั้งสนามซ้อม และสนามรักมาเป็นนักฟุตบอลระดับแนวหน้าของการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยให้ ได้ และเหนืออื่นใดคือการทำให้เด็กๆทุกคนเข้าใจในความเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ใช่แค่ การเอาชนะแต่มันมีความหมายที่มากกว่านั้นที่เด็กๆต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง
No comments:
Post a Comment