
ด้านการแสดง ไรอัน เรย์โนลด์ ในเรื่องนี้ดูเป็นหนุ่มที่มองโลกในแง่ดี และมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ การแสดงอารมณ์ต่างๆก็ถือว่าสอบผ่าน ส่วนหนูน้อย อาบีเกล เบรสลิน นั้น แม้บทดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย แต่ก็เด่นในช่วงหลังของเรื่อง ที่ต้องพูดถึงอีกคนก็คือ อิซล่า ฟิชเชอร์ ในบท เอพริล ซึ่งเธอเล่นได้ใสซื่อ ดูเป็นสาวกระตือรือร้นและมีเสน่ห์ในตัว สุดท้ายกับ เรเชล ไวซ์ ซึ่งนานๆทีจะได้เห็นเธอมารับบทในหนังโรแมนติกบ้างก็ถือว่าให้ความรู้สึกดีไป อีกแบบ
แม้ตอนจบหนังอาจจะสรุปออกมาในด้านดีมากไปหน่อย(ถ้ามองในแง่ความเป็นจริง) แต่สิ่งที่เราจะค่อยๆรับรู้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องก็คือ การรับรู้ถึงความรู้สึกในใจลึกๆของวิลล์ ชีวิตของเขาดูเหมือนแต่จะมีคนเข้ามาสร้างบาดแผลสะส่วนใหญ่ และเมื่อมาถึงจุดที่หนังเฉลยว่าใครคือแม่ของมายา ที่เขากำลังจะหย่าด้วย หนังแสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้าที่ยิ้มแย้มของวิลล์นั้น ภายในของเขาเศร้าและเป็นคนที่น่าสงสารเพียงใด สายตาที่มายามองพ่อของเธอในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วเธอเข้าใจความรู้สึกของ พ่อเธอมากขึ้นและอยากจะช่วยพ่อให้มีความสุข อย่างที่มายาถามวิลล์ตรงหน้าว่า
"ทุกคนล้วนทิ้งพ่อไป แล้วความสุขของพ่ออยู่ไหนค่ะ"
"มันก็อยู่ตรงหน้าพ่อนี่ไง"
หนัง มีการใช้คำว่า Maybe บ่อยมาก เพื่อสื่อให้เห็นถึงคำว่า "อาจจะ" บางครั้งถ้าเรามองว่าเป็นคำที่เป็นไปไม่ได้ ไม่กล้าที่จะเผชิญ ชีวิตก็อาจพลาด "สิ่งที่สำคัญที่สุด" ไปได้
No comments:
Post a Comment